วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พัทยา


สถานที่ท่องเที่ยวพัทยา
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก pattaya.go.thเฟซบุ๊ก mimosapattayaเฟซบุ๊ก Silverlake - Pattaya, Thailandpattayapark.com และ ททท.                            

          ร้อน ร้อน ร้อน ร้อนจริง ๆ นะจ๊ะ อย่างนี้ถ้าอยากคลายร้อน คลายร้อน ต้องไปพัทยา 555 ยินดีต้อนรับเพื่อน ๆ สู่สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตที่เรียกว่าฮิตสุด ๆ ของคนที่ไม่ค่อยจะมีเวลาไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดไกล ๆ มากนัก นั่นคือ พัทยา นั่นเอง

          "พัทยา" ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าตากสินได้ตีฝ่าวงล้อมพม่ามารวบรวมพลที่ฝั่งตะวันออก และได้หยุดพักแรมที่นาจอมเทียนและทุ่งไก่เตี้ยสัตหีบ ซึ่งภายหลังชาวบ้านเรียกตำบลนี้ว่า "ทัพพระยา" ต่อมาเรียกใหม่เป็น "ทัพธยา" และกลายเป็น "พัทยา" ในที่สุด บางคนก็เล่าว่า "พัทยา" มาจากชื่อของลมทะเล ที่พัดจากตะวันตกเฉียงใต้ไปตะวันออกเฉียงเหนือในต้นฤดูฝน  

          ในปี พ.ศ. 2504 ระหว่างสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันได้เข้ามาตั้งฐานทัพในไทย และได้มาพักผ่อนเช่าบ้านพักตากอากาศที่หาดพัทยาหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเป็นประจำ และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของสถานที่พักตากอากาศชายทะเลอันมีชื่อเสียงต่อ ๆ มา 

          พัทยา มีฐานะเป็นเขตการปกครองพิเศษ 1 ใน 2 แห่งของประเทศไทย (อีกแห่งคือกรุงเทพมหานคร) มีพื้นที่แบ่งได้เป็น 4 ส่วน ได้แก่ พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และหาดจอมเทียน อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยานั้นเหมาะแก่การเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์มาก ๆ เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อม ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงเศษ ๆ ก็ถึง (ใกล้จริง ๆ) แถมที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ชายหาด สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ เครื่องเล่น กีฬานานาชนิด ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นต้น 

          เอาล่ะ!! ได้เวลาไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวพัทยาที่น่าสนใจกันแล้ว...  

สถานที่ท่องเที่ยวพัทยา

 หาดพัทยา

          หาดพัทยา อยู่ในตัวเมืองพัทยา จากพัทยาเหนือถึงพัทยาใต้ เป็นหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีโรงแรมและสถานบันเทิงบริการตลอดเวลา ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นหาดที่มีถนนเลียบชายหาดที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด ชายหาดทางด้านเหนือเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำ นั่งพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่าง ๆ ส่วนชายหาดช่วงกลางไปจนถึงสุดหาดทางด้านใต้ เป็นบริเวณที่มีธุรกิจการบริการหนาแน่น ทั้งแหล่งอาหาร เครื่องดื่ม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนแหล่งบันเทิงเริงรมย์ต่าง ๆ มากมาย

 หาดจอมเทียน

          หาดจอมเทียน เดิมเรียกว่า หาดดงตาล เพราะมีต้นตาลตลอดแนว มีหาดทรายขาวสะอาด แต่ชายหาดค่อนข้างแคบ เป็นหาดที่อยู่ทางทิศใต้ ห่างจากตัวเมืองพัทยาประมาณ 4 กิโลเมตร ชายหาดมีความยาว 6 กิโลเมตร มีถนนที่ร่มรื่นเลียบชายหาดโดยตลอด หาดจอมเทียนเป็นหาดที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมเดินทางไปพักผ่อน เล่นน้ำ เช่น กระดานโต้คลื่น ขับเรือสกูตเตอร์ และเล่นกิจกรรมทางน้ำอื่น ๆ บริเวณชายหาดมีร้านอาหาร ร้านค้าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว มีโรงแรม คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร ฯลฯ มากมาย (ชักอยากไปแล้วล่ะสิ)
เกาะล้าน

เกาะล้าน

  เกาะล้าน

          สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอันดับต้น ๆ ของพัทยา เพราะนอกจากจะอยู่ห่างชายฝั่งพัทยา 7 กิโลเมตร และนั่งเรือโดยสาร 45 นาทีเท่านั้น เกาะล้านยังมีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ ดูปะการัง เล่นกีฬาทางน้ำ เช่น เรือลากร่มชูชีพ เรือสกี สกูตเตอร์ โดยเฉพาะที่หาดตาแหวน หาดทองหลาง หาดนวล และหาดเทียน ส่วนหาดแสมบรรยากาศเงียบสงบกว่าหาดอื่น บริเวณเกาะล้านและเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เช่น เกาะครกและเกาะสาก รวมถึงเป็นแหล่งตกปลาดำน้ำดูปะการังทั้งแบบน้ำลึกและน้ำตื้น และเป็นสถานที่ฝึกหัดเรียนดำน้ำด้วย

น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ


น้ำผลไม้คั้นสด บำรุงอวัยวะภายในทั่วร่างกาย

น้ำส้มคั้น


น้ำผลไม้คั้นสด บำรุงอวัยวะภายในทั่วร่างกาย (สุขกายสบายใจ)
เรื่อง : สุธารัชฎ์ รัตนารามิก

          "น้ำผลไม้คั้นสด" ควรเป็นสิ่งแรกที่เข้าสู่ร่างกายในตอนเช้า เพราะจะช่วยทำความสะอาดระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย รวมถึงการอุ่นเครื่องให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉงอีกทั้งร่างกายสามารถดูดซึมคุณค่าจากผลไม้สดได้ง่ายกว่าอีกด้วย ดังนั้นควรดื่มก่อนกินมื้อเช้าประมาณ 10 นาที หรือหากดื่มหลังมื้ออาหารในแต่ละวัน ควรค่อย ๆ จิบน้ำผลไม้และกลั้วไปรอบ ๆ ปากเพื่อเพิ่มเอมไซน์ในอาหารช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยได้ดีขึ้น

          หากคุณเริ่มต้นวันด้วยกาแฟรสชาติเข้มข้น มื้อกลางวันดับกระหายด้วยน้ำอัดลม เติมพลังช่วงบ่ายด้วยการจิบชาฝรั่ง ตกเย็นกลับบ้านดื่มน้ำเปล่าเย็น ๆ ให้ชื่นใจหายเหนื่อย ถ้าตลอดทั้งวันคุณมีพฤติกรรมการดื่มลักษณะเช่นนี้ จริงอยู่อาจไม่กระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเปลี่ยนให้ 1 แก้วใน 1 วันเป็นตัวช่วยสะสมความแข็งแรงให้กับอวัยวะภายในได้

          จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Medicines กล่าวถึงเรื่องการดื่มน้ำผลไม้คั้นสดช่วยถนอมสุขภาพสมองให้แข็งแรง ซึ่งมีผลสรุปทางการวิจัยว่าผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้คั้นสดมากกว่า 3 แก้วใน 1 สัปดาห์มีแนวโน้มความเสี่ยง 76% ห่างไกลจากโรคอัลไซเมอร์ แต่ก็ถือว่าอยู่ในอัตราเสี่ยงระดับต่ำเมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้คั้น สดเพียงอาทิตย์ละ 1 แก้ว หรือไม่ดื่มเลย

          นับว่างานวิจัยนี้มีเหตุผลที่ดีพอในการโน้มน้าวใจให้คนหันมาสนใจเรื่องการ ดื่มน้ำผลไม้คั้นสดมากขึ้น เรามีทางเลือกน้ำผลไม้ใกล้ตัว ที่จะช่วยดูแลอวัยวะภายในของเราให้สุขภาพดีอยู่เสมอมาฝากคุณค่ะ

น้ำบีทรูท


 1.น้ำบีทรูทกระตุ้นสมอง 

          สารประกอบไนโตรเจนในเนื้อสีแดงของผลบีทรูท จะช่วยขยายหลอดเลือดและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น จากผลการวิจัยล่าสุดของออสเตรเลียพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำบีทรูทคั้นสดทุกเช้ามีระดับความดันโลหิตในสมองที่สดต่ำลง และมีความจำที่ดีขึ้นอีกด้วย


น้ำเกรปฟรุต

 2.น้ำเกรปฟรุตช่วยเผาผลาญไขมัน 

          เกรปฟรุตหมายถึงผลไม้รสเปรี้ยว มีคุณสมบัติทางเคมีเป็นฤทธิ์ร้อนจึงช่วยเผาผลาญไขมัน และลดระดับอินซูลินซึ่งเป็นตัวการของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ในผลการวิจัยของสหรัฐพบว่าผู้ที่จิบน้ำเกรปฟรุตคั้นสดก่อนเมื้ออาหารทุกมื้อ โดยที่ไม่ได้ลดอาหารหรือไดเอ็ทนั้นมีน้ำหนักตัวที่ลดลงมากกว่า 1.5 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน


น้ำมะเขือเทศ


 3.บำรุงกระดูกด้วยน้ำมะเขือเทศ 

          นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนนาเดียน พบว่า ไลโคปีนในน้ำมะเขือเทศสดเปรียบเสมือนธนาคารกระดูกที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและ ฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ดังนั้นหากดื่มน้ำมะเขือเทศคั้นสดวันละแก้วก็จะได้รับแคลเซียมซึ่งเทียบได้ กับการบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงวัยสูงอายุ ควรบริโภคน้ำมะเขือเทศคั้นสด 2 แก้วต่อวันในระยะเวลา 4 เดือนขึ้นไป เพื่อช่วยลดอัตราการเป็นโรคกระดูกพรุน


น้ำส้มคั้น


 4.บำรุงหัวใจด้วยน้ำส้มคั้น 

          สารฟลาโวนอยในผลส้มจะช่วยลดอัตราไขมันเลว (LDL) และเพิ่มอัตราไขมันดี (HDL) ซึ่งส่งผลต่อระดับคอเลสตอรอลในร่างกายลดต่ำลง นักวิทยาศาสตร์ชาวบราซิลได้ ทำการวิจัยพบว่าในน้ำส้มคั้นสด ช่วยลดความดันโลหิต บำรุงระบบการไหลเวียนโลหิตและหลอดเลือด และยังช่วยป้องกันโรคหัวใจอีกด้วย


น้ำเลมอน


 5.น้ำเลมอนบำรุงตับ ป้องกันนิ่ว 

          การดื่มน้ำเลมอนคั้นสดปริมาณ 8 ออนซ์ผสมกับน้ำเปล่าในแต่ละมื้อ ช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำดีได้มากขึ้น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยของศูนย์โรคไตในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนียเผยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่ดื่มน้ำเลมอนผสมกับน้ำเปล่าในอัตรา 4.2 เป็นประจำทุกวันจะช่วยลดขนาดก้อนนิ่วในไตได้ โดยมีฤทธิ์เข้าไปละลายก้อนนิ่วในถุงน้ำดีและไตแล้วขับออกมาทางปัสสาวะ รวมทั้งช่วยฆ่าแบคทีเรีย และยังช่วยให้อัตราของกรดฟอสฟอริกในปัสสาวะลดลงจาก 1% เหลือเพียง 0.13% ซึ่งเป็นผลดีต่อร่างกาย


น้ำสับปะรด


 6.น้ำสับปะรดบำรุงข้อต่อ 

          จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์เป็นบทความในหัวข้อ "Cellular and Molecular Life Sciences" กล่าวไว้ว่า เอนไซม์บรอมิเลน (Bromelain) ช่วยบำรุงข้อต่อในอวัยวะต่าง ๆ และมีฤทธิ์บรรเทาอาการของโรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis) โรคไขข้ออักเสบ (Rheumatoid arthritis) และลดอาการเบอร์ไซติส (Bursitis) หรืออาการบวมอักเสบของข้อต่อที่หัวไหล่ได้ โดยจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทำให้อาการไม่เรื้อรัง

          นอกจากนี้ยังกล่าวถึงวิตามินซีที่มีในสับปะรด ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) โรคปริทันต์ หรือรำมะนาด (Periodontal disease) อันเป็นโรคที่ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ และโรคลมอัมพาต หรืออาการเส้นเลือดในสมองแตก (Stroke) ได้อีกด้วย

          น้ำผลไม้คั้นสด นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าสารอาหารสูงกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ และยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ให้กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย 

          ข้อแนะนำเพื่อประโยชน์สูงสุดในการบริโภคคือ ควรดื่มไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน (ประมาณ 4 ถึง 8 ออนซ์) โดยไม่เพิ่มความหวานใด ๆ อีก เพราะในผลไม้มีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่แล้ว อีกทั้งให้แคลอรีเพียง 60-80 แคลอรีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเหมาะที่จะเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพของเราในทุก ๆ วัน เป็นวิธีง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถบำรุงสุขภาพให้ดีขึ้นได้...เดี๋ยวนี้เลย

วังนํ้าเขียว


วังน้ำเขียว

วังนํ้าเขียว

วังน้ำเขียว
วังนํ้าเขียว

วังน้ำเขียว
วังนํ้าเขียว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Oaddybeing, kangtangblog.com และ wangnamkheo.com

           แทน แท่น แท้น... ได้เวลาเริงร่ากันอีกแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังร่าเริงกระดี๊กระด๊ามองหาสถานที่ท่องเที่ยว หลังเราพาไปเที่ยวทางตอนเหนือของประเทศไทยกันอยู่บ่ายๆ วันนี้เรา ขออาสาพาไปเที่ยวทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานของประเทศไทยเราบ้าง และสถานที่นั้นก็คือ... "วังน้ำเขียว สวิสเซอร์แลนด์แดนอีสาน" นั่นเอง เป็นไง ๆ แค่ชื่อก็กระตุกต่อมอยากเที่ยวกันแล้วใช่ไหม...
           "วังน้ำเขียว" เป็นอำเภอหนึ่งที่อยู่ตอนใต้ของจังหวัดนครราชสีมา สำหรับที่มาของชื่อ "วังน้ำเขียว"นั้น ได้มาจากสภาพภูมิประเทศของที่นี่ เพราะพื้นที่ในแถบนี้มีวังน้ำที่ใสสะอาดงดงามเป็นธรรมชาติ ซึ่งสายน้ำนั้นใสจนมองเห็นเงาสะท้อนสีเขียวของต้นไม้ จึงเรียกพื้นที่นี้ว่า... "วังน้ำเขียว"นั่นเอง

           ปัจจุบันวังน้ำเขียวมีการปกครอง แยกเป็น 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลวังน้ำเขียว ตำบลไทยสามัคคี ตำบลอุดมทรัพย์ ตำบลวังหมี และตำบลระเริง และมีพื้นที่ติดต่อกับ อำเภอนาดี อำเภอปักธงชัย อำเภอปากช่อง อำเภอเสิงสาง และอำเภอครบุรี
วังน้ำเขียว

วังนํ้าเขียว

           อย่างไรก็ตาม ที่วังน้ำเขียวนอกจากจะมีธรรมชาติที่งดงาม อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมหนาแน่น เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และสภาพอากาศที่เหมาะสมแก่การเจริญของพรรณไม้ที่หลากหลายแล้ว ยังมีน้ำตกที่สวยงามและจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นผืนป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่กลับคืนสู่ความสมบูรณ์ของผืนป่าดงพญาไฟในอดีต อีกทั้งยังมีผลไม้นานาชนิดให้เลือกสรร เช่น องุ่น กระท้อน ลิ้นจี่ ลำไยและผลไม้เมืองหนาวอีกมากมาย รวมทั้งยังมีสวนไม้ดอก - ไม้ประดับที่สวยงาม การปลูกผักปลอดสารพิษ และการเพาะเห็ดหอม ซึ่งเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในพื้นที่อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะมาพักผ่อนเพื่อสัมผัสธรรมชาติ พร้อมๆ กับการศึกษาหาความรู้ไปด้วย

 ว่าแล้วเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะว่าที่วังน้ำเขียวมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนน่าสนใจและน่าเที่ยวกันบ้าง... 



           เริ่มกันที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่าง "น้ำตกวังจระเข้" น้ำตกที่สวยที่สุดของ ต.ไทยสามัคคี เพราะเป็นน้ำตกที่ทอดยาว และมีน้ำใสในแอ่งน้ำสำหรับเล่นน้ำได้ตลอดทั้งปี น้ำตกแห่งนี้เป็นที่รองรับน้ำจากพื้นป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน และเป็นหนึ่งในสายน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำบางปะกงของภาคตะวันออก บริเวณสองฝั่งของห้วยขมิ้นจะยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติที่ยังมีพื้นป่า อยู่มากมาย ทั้งนี้ ทางเข้าสู่วังน้ำตกเป็นทางเดินเท้า จึงเหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินป่า และศึกษาธรรมชาติ 




           ต่อกันที่ "น้ำตกห้วยใหญ่"น้ำตกขนาดใหญ่ สูง 60 เมตร กว้าง 30 เมตร เป็นน้ำตกที่ไหลลงจากคลองห้วยใหญ่ ลักษณะของน้ำตกมีทั้งหมด 5 ชั้น ซึ่งเชื่อมต่อกับน้ำตกสวนห้อมของ ต.วังน้ำเขียว ซึ่งน้ำตกห้วยใหญ่จะมีน้ำมากในช่วงเดือนกรกฎาคม - เดือนตุลาคม สำหรับที่ตั้งจะอยู่ในพื้นที่ ม.6 บ้านห้วยใหญ่ใต้ ต.ไทยสามัคคี ทางไปน้ำตกสามารถใช้เส้นทางจากทางหลวงหมายเลข 304 เมื่อถึงอำเภอวังน้ำเขียว ให้แยกเข้าซอยเทศบาล 4 ที่บริเวณตลาดสดศาลเจ้าพ่อ (ตลาด 79) ตามป้ายบอกทางไปวัดสวนห้อม แล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางไปน้ำตกบริเวณอุทยานแห่งชาติทับลาน 3 น้ำตก


           "อุทยานแห่งชาติทับลาน"เป็นป่าลานผืนใหญ่ผืนสุดท้ายของประเทศไทย เป็นอุทยานที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 2,240 ตารางกิโลเมตร (1,400,000 ไร่) พื้นที่เป็นที่ราบสลับกับภูเขา ส่วนหนึ่งอยู่ในเขตเทือกเขาพนมดงรัก โดยมีจุดสูงสุดอยู่บริเวณเขาละมั่ง เป็นแนวเส้นแบ่งเขตระหว่างจังหวัดปราจีนบุรี และนครราชสีมา ความสูงประมาณ 992 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทั้งนี้ ป่าทับลานเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น ห้วยขมิ้น ห้วยปลาก้าง ห้วยคำแซ ห้วยขี้แรด ห้วยมูลสามง่าม ห้วยภูหอม ห้วยกระทิง ห้วยลำเลข ห้วยกุดตาสี และห้วยลำดวน ซึ่งไหลรวมกันเป็นต้นน้ำมูล แม่น้ำสายสำคัญของภาคอีสาน

           นอกจากนี้ ทับลานยังเป็นต้นกำเนิดของ ห้วยหินยาว ห้วยชมพู ห้วยสาลิกา ห้วยวังมิด และห้วยลำไยใหญ่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นน้ำบางปะกง แม่น้ำสายสำคัญของภาคตะวันออก ด้านสัตว์ป่านักท่องเที่ยวจะได้พบกับ ช้างป่าเกือบ 40 เชือก เก้ง กวาง และนกนานาชนิด รวมทั้งยังมีสมุนไพรอีกมากมายหลายชนิด

           "เขามูลหลง – มูลสามง่าม"ในอดีตคือป่าผืนเดียวกันกับป่าดงพญาไฟ อันเป็นกำแพงกั้นระหว่างภาคตะวันออกกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันได้มีการฟื้นฟูสภาพป่าซึ่งใกล้จะคืนสู่สภาพที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม การท่องเที่ยวจะเป็นการศึกษาธรรมชาติ เพราะมีเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการความรู้ อย่างยิ่ง และยังมีสัตว์ป่าอีกนานาชนิด ที่ตั้ง ม.2 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

           "เขาสลัดได"จุดชมวิวบริเวณเขาสลัดได ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญใน ต.ไทยสามัคคี นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้อย่างสวยงาม หรือจะไปเที่ยวต่อที่ "ผาชมตะวัน"ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 6 บ้านห้วยใหญ่ใต้ บริเวณนี้จะมีน้ำตกอยู่สองข้างทาง และบริเวณชั้นล่างก็จะมีน้ำตกห้วยใหญ่ใต้ตกเป็นชั้นๆ เป็นที่ที่สามารถดูวิวทิวทัศน์ได้สวยงามมาก เพราะสามารถมองเห็นพื้นป่าอุทยานและร่องน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกจระเข้ และน้ำตกห้วยใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีชง้อนหินยื่นออกไปเป็นหน้าผาสูง สามารถมองเห็นทัศนียภาพบริเวณอุทยานแห่งชาติทับลาน และบริเวณน้ำตกสวนห้อม รวมทั้งทิวเขาซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี กับ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

           เอาล่ะ หลังจากท่องธรรมชาติกันจนเพลินแล้ว เรามาเที่ยวกันต่อที่แหล่งท่องเที่ยวศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านวัง น้ำเขียวกันบ้าง ที่ "บ้านศิลางาม" ชมการแกะสลักหินทรายเขียว มีบ่อหินทรายเขียวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม  รับแกะสลักหินทรายเขียว และมีการสาธิตวิธีการตัดหิน คุณสมบัติพิเศษของหินทรายเขียวคือ ไม่แตกไม่ร้าวสามารถคงสภาพได้นานเป็นร้อยปี ผลงานเด่นของบ้านศิลางาม ได้แก่ แกะสลักอนุสาวรีย์ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ยืนอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าที่พักริมทาง บนทางหลวงหมายเลข 2 จังหวัดสระบุรี - นครราชสีมา หรือ ถนนมิตรภาพ ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง โดยช่างผู้ชำนาญงานฝีมือด้านการแกะสลักหินทรายเขียวมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี

           "ศูนย์สาธิตการผลิตเห็ดหอม"ศูนย์การผลิตเห็ดหอม และเห็ดนานาชนิด รวมถึงกรรมวิธีต่างๆ ในการแปรรูปเห็ด จำหน่ายผลิตภัณฑ์เห็ดหอมสดและแปรรูป และมีบริการที่พักเป็นเต็นท์พร้อมเครื่องนอน หากนักท่องเที่ยวต้องการเยี่ยมชม สามารถเข้าชมและเรียนรู้การผลิตได้ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประธานกลุ่มเห็ดหอม คุณไสว พูนณรงค์ โทร.081-966-4152
วังน้ำเขียว

วังนํ้าเขียว
 สำหรับการเดินทางมาที่ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว โดยรถยนต์ สามารถมาได้ 2 ทาง คือ... 
           เส้นทางที่ 1จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางองครักษ์ – นครนายก - ปราจีนบุรี ระยะทางรวมประมาณ 200 กิโลเมตร ถึงสี่แยกกบินบุรีใหม่ ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 (กบินทร์บุรี - วังน้ำเขียว - นครราชสีมา) อีกประมาณ 55 กิโเมตร ก็จะถึงตลาดศาลเจ้าพ่อ (ตลาด 79) อำเภอวังน้ำเขียว เลยมาอีก 4 กิโลเมตร ที่หลักกิโลเมตร 59 ให้แยกขวาเข้าบ้านบุไผ่และไทยสามัคคี ที่ห่างจากถนน 304 ประมาณ 6 กิโลเมตร ขับขี่สะดวกสบายตลอดเส้นทาง

           เส้นทางที่ 2 จาก นครราชสีมา ใช้เส้นทางปักธงชัย - วังน้ำเขียว ตามถนนสาย 304 ระยะทาง 80 กิโลเมตร หลังจากผ่านที่ทำการของอำเภอ และโรงพยาบาลวังน้ำเขียวมา ที่หลักกิโลเมตร 59 ให้แยกซ้าย เข้าบ้านบุไผ่ และต.ไทยสามัคคี ห่างจากถนน 304 ประมาณ 6 กิโลเมตร เส้นทางสะดวกขับสบายตลอดเส้นทาง 

น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี


น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี

น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี

น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี

น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรมอุทยานแห่งชาติ

          ขึ้นชื่อว่ามีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ป่าเขาลำเนาไพร ถ้ำ หรือน้ำตก แถมยังสวยงามติดอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยก็ว่าได้ สำหรับ "จังหวัดกาญจนบุรี" ไม่ว่าจะเป็น วัดวังก์วิเวการาม, อุทยานแห่งชาติไทรโยค, สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก, สะพานข้ามแม่น้ำแคว, อุทยานแห่งชาติเอราวัณ และ ทางรถไฟสายมรณะ ฯลฯ และวันนี้กระปุกดอทคอมขออาสาพาเพื่อน ๆ ไปทัวร์อีกสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้ นั้นก็คือ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมตัวไปเย็นฉ่ำกับสายน้ำใส ๆ กันดีกว่า...

          น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ริมทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ ห่างจากกาญจนบุรีประมาณ 108 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 957,500 ไร่ ถูกประกาศเป็นเขตอุทยาน เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2524 โดย น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ มีสภาพสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทั่วบริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด 


น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี

น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี

          ต้นกำเนิดของ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ไหลมาจากต้นน้ำของเทือกเขากะลา เป็นป่าดิบเขาแล้งทางทิศตะวันออก ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ และไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น นับเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง น้ำตกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันไปแต่ละชั้น ได้แก่...

          ชั้นที่ 1 ดงว่าน 
          ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น 
          ชั้นที่ 3 วังหน้าผา 
          ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว 
          ชั้นที่ 5 ไหลจนหลง 
          ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ 
          ชั้นที่ 7 ร่มเกล้า 

          โดยแต่ละชั้นของ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น มีความสูงและความงดงามต่างกันไป ทางอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ได้ทำเส้นทางเดินสำหรับขึ้นไปชมน้ำตกแต่ละชั้น และยังเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อยู่ในช่วงเดือนตุลาคม–เมษายน


น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี

น้ําตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี

          ในบริเวณอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งร้านอาหารสวัสดิการ ตอนกลางคืน มีการฉายสไลด์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ตู้ปณ. 1, อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี 71250 โทร. 579-0529, 579-4842 หรือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ เวลา 09.00-15.30 น. หรือ www.dnp.go.th

          ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยานแห่งชาติ ผู้ใหญ่ คนละ 20-80 บาท (ขึ้นอยู่กับอุทยานฯ) เด็ก คนละ 10-40 บาท (ขึ้นอยู่กับอุทยานฯ) กรณีเป็นเด็กอายุต้องต่ำกว่า 14 ปี แต่ถ้าอายุต่ำกว่า 3 ปี จักไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม และกรณีเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้เก็บค่าธรรมเนียมในอัตราสำหรับเด็ก



         

การเดินทางไป น้ำตกห้วยขมิ้น 

          รถยนต์ 

          1. เส้นทางจากเขื่อนศรีนครินทร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ผ่านทางแยกเข้าน้ำตกเอราวัณ ถ้ำพระธาตุ สภาพเส้นทางเป็นถนนลูกรัง ในช่วงหน้าฝนถนนจะขรุขระมาก เป็นถนนเลียบขอบทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ไปจนถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทาง 45 กิโลเมตร เส้นทางนี้เหมาะสำหรับรถกระบะ 

          2. เส้นทางเอราวัณ-ศรีสวัสดิ์ ถึงท่าแพห้วยแม่ละมุ่น ข้ามจากฝั่งแม่ละมุ่นโดยแพขนานยนต์มายังศรีสวัสดิ์ ใช้เวลา 15 นาที จากนั้นขับรถต่ออีกประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงท่าแพที่ 2 ข้ามจากศรีสวัสดิ์ทางแพขนานยนต์มายังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ใช้เวลา 45 นาที ขับรถต่อจากท่าแพอีกประมาณ 7 กิโลเมตร จะถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เส้นทางนี้เหมาะสำหรับรถเก๋ง และรถตู้

          รถสาธารณะ

          เช่ารถสองแถวจากตัวเมืองหรือที่ตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ หรือเดินทางทางเรือโดยลงเรือที่ท่าหม่องกระแทะหรือท่าเรือท่ากระดาน ซึ่งอยู่ห่างจากทางแยกเข้าเขื่อนศรีนครินทร์ประมาณ 12 กิโลเมตร

น้ำตกเอราวัณ


น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ

สรุปข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คู่หูเดินทาง

          จังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ชุ่มชื้นไปด้วยฝอยฝนหรือระคนไปด้วยกลิ่นป่า และเป็นผืนป่าตะวันตกที่ว่ากันว่าสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวออกแนวผจญภัยมากมายให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผมกับกิจกรรมมันส์ ๆ หลากหลาย อิ่มเอมกับธรรมชาติอันเขียวขจี แสนสบายไปกับสายน้ำที่เย็นฉ่ำ โดยเฉพาะ น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีระยะทางยาวติดต่อกัน มีความงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ นั่นแน่! เริ่มอยากไปดื่มด่ำกับความงามของ น้ำตกเอราวัณ แล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้นก็ตามเราเขาไปชื่นชมได้เลย...

          น้ำตกเอราวัณ เป็นอีกน้ำตกหนึ่งที่ขึ้นชื่อของ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่สวยงามบนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ มีระยะทางยาวประมาณ 1,500 เมตรติดต่อกัน เดิมมีชื่อว่า "น้ำตกสะด่องม่องลาย"ตามชื่อลำห้วยม่องลายซึ่งเป็นต้นน้ำของน้ำตก แต่ด้วยลักษณะน้ำตกชั้นที่ 7 ของที่นี่มีลักษณะคล้ายหัวช้างเอราวัณ 3 เศียร จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ น้ำตกเอราวัณ ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเป็นอย่างดี 


น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ
 
 น้ำตกเอราวัณ


          น้ำตกเอราวัณ นี้มีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นจะมีชื่อที่คล้องจองกัน เริ่มจาก...

          ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง เป็นน้ำตกชั้นเล็ก ๆ ที่เหมาะกับการนั่งเล่นรับลมพักผ่อน

          ชั้นที่ 2 วังมัจฉา เหมาะกับการลงเล่นน้ำ เพราะมีแอ่งให้ลงไปแวกว่ายได้ และมีฝูง "ปลาพลวง" อาศัยอยู่ในน้ำด้วย

          ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ชั้นนี้น้ำตกจะตกลงมาในระดับสูง นักท่องเที่ยวสามารถไปยืนบริเวณน้ำตกเพื่อเล่นน้ำได้

          ชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ ชั้นนี้มีจุดเด่นในการเล่นสไลด์เดอร์ไหลลื่นตกลงมายังแอ่งน้ำด้านล่าง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้น

          ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง เป็นชั้นที่กินพื้นที่กว้างสามารถเล่นน้ำได้

          ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ชั้นนี้ถูกล้อมรอบด้วยแมกไม้นานาพันธุ์

          ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ เป็นชั้นสุดท้ายซึ่งเป็นชั้นที่สวยงามมาก

น้ำตกเอราวัณ
 
 น้ำตกเอราวัณ

          น้ำใสสะท้อนแสงเป็นสีฟ้าอมเขียวมรกตคล้ายสระว่ายน้ำ ในแต่ละชั้นของน้ำตกจะมี ปลาพลวง (ปลาน้ำจืดในตระกูลปลาตะเพียน ลำตัวสีน้ำตาลเขียวเกล็ดโต มีหนวดยาว 2 คู่ ชอบอาศัยบริเวณธารน้ำตก ลำห้วย หรือลำธารที่ใสสะอาด) แหวกว่ายอยู่ แต่ในชั้นที่มีมากก็เห็นจะเป็นชั้นที่ 2 คือ วังมัจฉา 

          โดยแต่ละชั้นของ น้ำตกเอราวัณ จะมีลักษณะเป็นอ่างสามารถเล่นน้ำได้ และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเอราวัณ มีระยะทางประมาณ 1,060 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เดินผ่านป่าดิบเขา จุดชมวิวและป่าผลัดใบที่สวยงาม ท่านจะได้รับความรู้และความเพลิดเพลินในการชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง

          ใครที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ น้ำตกเอราวัณ คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม 

Tips

          ห้ามนำภาชนะโฟม ขวดแก้ว กีตาร์และสัตว์เลี้ยงเข้าไปในบริเวณน้ำตก

          ค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติเอราวัณ คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

          บริเวณอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-3457-4222, 0-3457-4234


น้ำตกเอราวัณ
 
 น้ำตกเอราวัณ


การเดินทาง

          โดยรถยนต์

          จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม ( ทางหลวงหมายเลข 4 ) มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี ผ่านแยกนครชัยศรี ขับตรงไปโดยจะผ่านแยกบ้านแพ้ว ผ่านสะพานไปตัวเมืองนครปฐม ผ่านแยกไปจังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นขึ้นสะพานไปจังหวัดกาญจนบุรี และขับตรงไปประมาณ 11.2 กิโลเมตร ถึงสี่แยกเลี้ยวขวาแล้วขับตรงไป ประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงอำเภอท่ามะกา ขับตรงไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 3199) มุ่งหน้าสู่อำเภอศรีสวัสดิ์ เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 56 ถึงเขตการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเขื่อนศรีนครินทร์ แยกซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เดินเท้าอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงน้ำตกเอราวัณ

          โดยรถประจำทาง

          จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยสามารถนั่งรถปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี แล้วไปลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี มีรถสายกาญจนบุรี - เอราวัณ ออกจากสถานีขนส่งใกล้ที่ทำการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี มายังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ทุกวัน และจากตลาดฯ จะมีรถสองแถวและมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปยังน้ำตก